Atropine Injection
 
รูปแบบที่มีในโรงพยาบาล    Atropine Injection : 0.6 mg in 1 ml (1: 1,000)
ข้อบ่งใช้ ; Preanesthetic,sinus
bradycardia,organophosphate or carbamate poisoning,
neuromuscular
blockade
ประเด็นปัญหา
เป็นยาที่มีผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด
หากเกิดความผิดพลาดอาจทำให้ผู้ป่วยเกิดอันตรายได้ โดยอาจเกิดอาการไม่พึงประสงค์ที่สำคัญ
ได้แก่ tachycardia
การคัดเลือก 
จัดหา 
(Supply) 
 | 
  
1. ให้ทำการจัดซื้อยา 1 ขนาดความแรง คือ ขนาด 0.6 mg in 1 ml injection 
2. ให้ทำการจัดซื้อจากบริษัทเดียวเสมอ
  (องค์การเภสัชกรรม) 
3. หากมีการเปลี่ยนแปลงขนาดบรรจุ
  หรือความแรง ฝ่ายเภสัชกรรมชุมชน 
จะต้องทำหนังสือแจ้งเวียนให้ผู้เกี่ยวข้องทราบ ซึ่งได้แก่ แพทย์
  งานอุบัติเหตุ- ฉุกเฉิน หอผู้ป่วยใน โดยทันที 
 | 
 
การจัดเก็บ 
(Storage) 
 | 
  
1. กำหนดให้ทำการเก็บยาในตู้เย็น
  อุณหภูมิไม่เกิน 25 องศาเซลเซียส 
2. กำหนดให้หน่วยงานที่มีการสำรองยา
  ได้แก่ ห้องอุบัติเหตุ-ฉุกเฉิน หอผู้ป่วยใน ห้องคลอด ตรวจสอบความพร้อมใช้ทุกเวร 
3. การจัดเก็บต้องแยกเก็บในพื้นที่เฉพาะแยกจากยาอื่น
  ๆ และติดป้ายบอกยากลุ่มเสี่ยงอย่างชัดเจน 
4. ห้องยาติดแถบสีแดงที่ ampoule ยา เพื่อแจ้งเตือนว่า High
  Alert Drug 
 | 
 
การสั่งใช้ยา 
(Prescribing) 
 | 
  
1. การสั่งใช้ยาต้องระบุข้อมูล ดังนี้ 
 ชื่อยา โดยใช้ชื่อสามัญทางยา 
 ขนาดการใช้ยา 
ทารกและเด็ก : 
- Preanesthetic :
  Oral, IM, IV, SC 
< 5 kg: 0.02
  mg/kg/dose ให้ก่อนผ่าตัด 30-
  60 นาที อาจให้ต่อทุก 4 – 6 ชั่วโมงตามความจำเป็น 
> 5 kg: 0.01 –
  0.02 mg/kg/dose ถึงขนาดสูงสุด 0.4
  mg/dose ก่อนผ่าตัด 30
  – 60 นาที ขนาดต่ำสุด 0.1
  mg 
- Bradycardia : IV,
  intratracheal : 0.02 mg/kg ขนาดต่ำสุด 0.1 mg ขนาดสูงสุดต่อครั้ง 0.5 mg ในเด็ก และ 1
  mg ในผู้ใหญ่ อาจให้ซ้ำได้ทุก 5 นาที จนได้ขนาดยารวมไม่เกิน 1 mg ในเด็กและ 2
  mg ในผู้ใหญ่ 
· การให้แบบ intratracheal ต้องเจือจางยาด้วย NSS ให้ได้ปริมาตร 2 –3 ml. ก่อน 
· การรักษาภาวะ bradycardia จะใช้ atropine ต่อเมื่อการให้ oxygen และ adrenalineไม่ได้ผลเท่านั้น 
เด็ก : 
- Bronchospasm
  :Inhalation : 0.03 – 0.05 mg/kg/dose วันละ 3 – 4 ครั้ง 
ผู้ใหญ่ : 
- Asystole : IV 1 mg ซ้ำได้ ทุก 3 – 5 นาทีตามความจำเป็น 
- Bradycardia : IV
  0.5 – 1 mg ทุก 5 นาที ขนาดยารวมไม่เกิน 2 mg หรือ 0.04 
mg/kg 
- การแก้ไขภาวะ neuromuscular blockade : IV 25 – 30
  mcg/kg ให้ก่อนให้ยา 
neostigmine 30 วินาที 
- พิษจาก organophosphate หรือ carbamate : IV 1 – 2 mg/dose ทุก 10 – 20 
นาที จนกว่าจะเกิด atropine
  effect ( ปากแห้ง ตาพร่า ถ่ายปัสสาวะลำบาก 
หน้าแดง ) ต่อไปให้ยาทุก 1 – 4 ชั่วโมงเป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง ขนาดยา 
รวมสูงสุด 50
  mg ใน 24 ชั่วโมงแรก กรณี severe intoxication อาจให้ยารวม 
ทั้งหมดสูงถึง 2
  g. 
- Bronchospasm :
  inhalation : 0.025 – 0.05 mg/kg/dose ทุก 4 – 6 ชั่วโมง 
(ขนาดยาสูงสุด 5 g/dose) 
ระวังการใช้ในผู้ป่วยเด็กที่มีอาการ spastic paralysis ** 
3. ห้ามสั่งใช้ยาทางวาจา หรือโทรศัพท์
  ยกกรณี CPR 
 | 
 
การเตรียม 
(Preparation) 
 | 
  
ห้ามผสมยาร่วมกับยา Ampicillin, Chloramphenicol, Adrenaline,Heparin,Warfarin 
 | 
 
การบริหารยา 
(Administration) 
 | 
  
1. ให้ 1
  mg ฉีดเข้าทางเส้นเลือดดำช้าๆ และให้ซ้ำได้ 3-5 นาที หากยังไม่ตอบสนอง
  แต่ไม่เกิน 3 mg 
2. กรณีหัวใจเต้นช้า อาจให้ขนาด 0.5-1 mg ซ้าได้ทุก 3-5 นาที ขนาดโดยรวมไม่เกิน
  3 mg หรือ 0.04mg/kg 
 | 
 
การติดตาม 
(Monitoring) 
 | 
  
1. ติดตามอัตราการเต้นของหัวใจ
  ความดันโลหิต และ Mental
  status 
2. ตรวจวัด vital sign ทุก 5 นาที จนกว่าจะ stable
   
รายงานแพทย์ทันทีเมื่อ 
BP > 140/90 mmHg , HR >120
  ครั้ง /นาที 
3. หากให้ยาเข้าทางหลอดเลือดดำ Mornitor EKG ตลอดการให้ยา ถึง 1 ชั่วโมงหลังให้ยา 
4. อาการข้างเคียงที่อาจพบได้ เช่น
  ปากแห้ง,ตาพร่ามัว,หัวใจเต้นช้า,ชีพจรเต้นเร็ว,รูม่านตาขยายไม่ตอบสนอง
  ผิวหนังร้อนวูบวาบ หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง หายใจเร็วขึ้น 
6. บันทึกปริมาณสารน้ำเข้า-ออก
  เพื่อดูสัดส่วนความสมดุล เพราะยาอาจทำให้เกิดภาวะ 
Urinary Retention ได้รายงานแพทย์เมื่อ Urine Output < 100 cc./hr 
 | 
 
วิธีปฏิบัติเพื่อแก้ไขอาการไม่พึงประสงค์จากยาOverdose 
 | 
  
Physostigmine 1-2 mg
  ( 0.5 mg หรือ 0.02
  mg/kg สาหรับเด็ก) ฉีดเข้าใต้ผิวหนังหรือ IV อย่างช้าๆ 
 | 
 
                RSS Feed
              
                Twitter
              
01:53
เภสัชกรรม โรงพยาบาลวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์


